img-detail-photo

เครือข่ายภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์ และ ชาวกาญจน์ กว่า 3 พันคน รวมใจ สวมเสื้อเขียว แสดงพลังทวงคืน โรงงานกระดาษ พร้อมยื่นหนังสือให้พ่อเมือง ส่งสารถึงรัฐบาล ขณะที่ผู้ว่าฯ ประกาศหนุนเต็มที่ พร้อมเอาตำแหน่งเป็นประกัน เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ 19 มิ.ย.61 ที่หน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เครือข่ายภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์ นำโดย ผศ.ฟ้อน เปรมพันธุ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์ นายจรัล ศศะสมิต อดีตนายกสมาคมไทยคาลิฟอร์เนียภาคใต้ อ.กระแส ขำจิตร อดีตครูโรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ นายประพฤติ มลิผล นายภานุวัฒน์ ศีลแดนจันทร์ นางภินันทน์ โชติรสเศรณี ประธานกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ รวมทั้งภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีกว่า 3,000 คน พร้อมใจกันสวมเสื้อสีเขียวที่มีสัญลักษณ์ “กำแพงเมืองเก่า โรงงานกระดาษ สมบัติชาติ เราขอคืน” เดินรณรงค์เพื่อทวงคืนพื้นที่โรงงานกระดาษ ให้กลับมาเป็นสมบัติของชาวกาญจนบุรี และสมบัติของชาติไทย โดยการเดินรณรงค์ในครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 17 (มทบ.17) และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล เฝ้าสังเกตการณ์และคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร             ซึ่งการเดินเริ่มที่หน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ไปที่ด้านหลังโรงงานกระดาษ โดยได้มีการตั้งเวทีเอาไว้เพื่อสลับกันขึ้นปราศรัยให้ทราบข้อเท็จจริงรวมทั้งให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนถึงที่มาที่ไปของโรงงานกระดาษ โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที จากนั้นจึงเคลื่อนขบวนไปที่หน้าอาคารสโมสรโรงงานกระดาษที่อยู่ติดกับถนนแสงชูโต พร้อมกับขึ้นปราศรัยอีกครั้ง ซึ่งระหว่างการเดินรณรงค์ได้นำผ้าสีเขียวซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการทวงคืนฯ ไปผูกติดไว้ตามจุดต่างๆ โดยรอบของพื้นที่โรงงานกระดาษอีกด้วย             ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้เดินทางมายังจุดชุมนุม และเดินขึ้นไปบนชั้น 2 ของอาคารสโมสรโรงงานกระดาษ โดยมี อ.กระแส ขำจิตร อดีตครูโรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ เป็นผู้อ่านสารเล่าถึงความเป็นมาของโรงงานกระดาษ รวมทั้งเหตุผลที่ชาวกาญจนบุรี ต้องการทวงคืนโรงงานกระดาษให้กลับมาเป็นสมบัติชาติ จากนั้นตัวแทนเครือข่าย “ภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์” ได้ยื่นหนังสือให้กับ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ เพื่อส่งต่อไปยังรัฐบาล             ทั้งนี้ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวภายหลังว่า วันนี้ประชาชนจำนวนมากจากทุกภาคส่วนได้มาร่วมกันแสดงออก ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้พยายามที่สื่อและทำความเข้าใจกับประชาชนถึงความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ ความสำคัญของประวัติศาสตร์ของโรงงานกระดาษ ซึ่งมีความเกี่ยวพันกันใน 2 ยุค ก็คือยุคที่เป็นกำแพงเมือง นั่นก็คือ ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2             ซึ่งในวันนี้ประชาชนก็ได้ยื่นข้อเรียกร้องในเชิงสร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์ต่อพื้นที่ ไม่ได้มีเหตุผลในเชิงธุรกิจ หรือเชิงพาณิชย์ ซึ่งประชาชนชาวกาญจนบุรียังขาดพื้นที่สีเขียวที่จะเป็นปอด พื้นที่ที่จะเป็นแลนด์มาร์คที่ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของเมือง ดังนั้นตนจะนำข้อเรียกร้องดังกล่าวส่งไปยังส่วนกลางเพื่อให้ทราบว่าพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรีนั้นมีความต้องการอย่างไร โดยจะมีความเห็นของทางจังหวัดและส่วนราชการในพื้นที่ประกอบไปด้วย พร้อมกันนี้ก็จะได้เจรจาพูดคุยและประสานทุกฝ่ายด้วยความประนีประนอม ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันอย่างสูงสุด ซึ่งตนจะพยายามทำให้ดีที่สุด และขอประกาศยืนยันว่า หากประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรีไม่สมหวัง วันที่ไม่สมหวังนั้นก็จะไม่มีชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดที่ชื่อ จีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ อยู่ในจังหวัดกาญจนบุรีอีกต่อไป             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือที่ตัวแทนเครือข่าย “ภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์” ได้ยื่นให้กับ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ เพื่อส่งต่อไปยังรัฐบาล เป็นข้อเรียกร้องและข้อเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่โรงงานกระดาษกาญจนบุรีภายในเขตโบราณสถานเมืองเก่าสมัยรัชกาลที่ 3 ให้เป็นพื้นที่สาธารณะ พิพิธภัณฑ์เมือง และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ “ภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์” ของจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีข้อเรียกร้องและข้อเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่โรงงานกระดาษกาญจนบุรี ดังนี้ สืบเนื่องจากกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้เห็นชอบและมีความพยายามที่จะผลักดันการพัฒนาพื้นที่โรงงานกระดาษ กาญจนบุรี ตามแนวเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยได้มอบหมายให้ผู้เช่าที่ราชพัสดุรายเดิม คือ บริษัทอุตสาหกรรมกระดาษศิริศักดิ์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการพัฒนาดังกล่าวภายใต้บันทึกข้อตกลงร่วมกันในปี พ.ศ.2556 เพื่อดำเนินการ “โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุตามแนวเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์โรงพิมพ์และโรงแรมเชิงอนุรักษ์” บนที่ดินราชพัสดุ หมายเลขทะเบียน กจ.194 (แปลงโรงงานกระดาษ) ต.บ้านใต้ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี บนพื้นที่ประมาณ 53-3-30 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 69 ไร่             อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพื้นที่ราชพัสดุดังกล่าวมีคุณค่าและมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และพัฒนาการของเมืองกาญจนบุรีตั้งแต่ยุคต้นรัตนโกสินทร์เป็นต้นมา ในเดือนมกราคม พ.ศ.2561  ประชาชนชาวกาญจนบุรีซึ่งประกอบด้วยภาคประชาสังคมและภาคเอกชนจึงยื่นหนังสือเรียกร้องผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดให้กรมธนารักษ์ทบทวนโครงการดังกล่าว และเสนอให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางการพัฒนาพื้นที่โรงงานกระดาษโดยมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมต่อไป ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน กรมธนารักษ์ยังคงเห็นชอบแนวทางการเปิดประมูลให้เอกชนลงทุนในพื้นที่ราชพัสดุแปลงโรงงานกระดาษแห่งนี้ โดยอ้างว่ามูลค่าการลงทุนสูงกว่า 1,000 ล้านบาท จึงอยู่ในข่ายจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา กรมธนารักษ์ยังมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะผลักดันให้มีการแก้ไขมติคณะรัฐมนตรี ปี 2530 เพื่อขอยกเลิกการกำหนดวัตถุประสงค์การจัดให้เช่าที่ราชพัสดุแปลงดังกล่าว จาก เพื่อดำเนินกิจการโรงงานกระดาษเท่านั้น เป็น ให้กรมธนารักษ์นำมาพัฒนาตามพระราชบัญญัติดังกล่าว (พ.ร.บ.ร่วมทุน) ซึ่งได้นำมาสู่โครงการเปิดประมูลมูลค่า 1,500 ล้านบาท เพื่อให้เอกชนมาร่วมลงทุนดังที่กล่าวไปแล้ว             ด้วยเหตุนี้ ภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมและภาคเอกชนจังหวัดกาญจนบุรี โดยการนำของกลุ่ม “ภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์” จึงขอยื่นข้อเรียกร้องต่อกรมธนารักษ์และจังหวัดกาญจนบุรี ดังนี้             1.ในระหว่างนี้ ขอให้กรมธนารักษ์ยุติการดำเนินการใดๆ เพื่อขอแก้ไขมติ ครม.ปี 2530 เพื่อผลักดันให้มีการเปิดประมูลให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐในที่ราชพัสดุแปลงโรงงานกระดาษ กาญจนบุรี   เนื่องด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ 1.1 “โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุตามแนวเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์โรงพิมพ์และโรงแรมเชิงอนุรักษ์” ภายใต้บันทึกข้อตกลงปี 2556 ที่กรมธนารักษ์เห็นชอบนั้น หากดำเนินการเป็นรูปธรรมแล้วจะฝ่าฝืนและผิดกฎหมายหลายประการ อีกทั้ง มีแนวโน้มสูงว่าจะส่งผลกระทบด้านลบต่อแหล่งโบราณสถานและสิ่งแวดล้อมใกล้เคียง กฎหมายสำคัญๆ ดังกล่าว ได้แก่ พ.ร.บ.โบราณสถานฯ พ.ศ.2504 กฎหมายผังเมือง และกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ.2551 ซึ่งห้ามการสร้างโรงแรมที่พักภายในหรือใกล้เคียงเขตโบราณสถานโดยเด็ดขาด 1.2 การพิจารณาหรือผลักดันโครงการใดๆ ก็ตามที่มีมูลค่าเกินกว่า 1,000 ล้านบาท ให้อยู่ในข่ายที่จะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) นั้น  โครงการดังกล่าวควรมีเป้าหมายเพื่อสร้างสาธารณูปการซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นหลัก แต่โครงการพัฒนาฯ ตามบันทึกข้อตกลงปี 2556 ซึ่งกรมธนารักษ์พยายามผลักดันให้เกิดการประมูลนั้น ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อประโยชน์ของสาธารณะชน แต่เป็นโครงการแนวเศรษฐกิจสร้างสรรค์ซึ่งมุ่งแสวงหากำไรจากการทำธุรกิจโรงแรมและการให้เช่าพื้นที่แก่ร้านค้ารายย่อย จึงไม่ได้อยู่ในข่ายที่จะต้องให้เอกชนร่วมทุนในกิจการของรัฐดังที่กล่าวอ้าง 2.ขอให้กรมธนารักษ์ยุติการต่อสัญญาเช่าให้กับผู้เช่ารายเดิม (บริษัทอุตสาหกรรมกระดาษศิริศักดิ์ จำกัด) โดยเมื่อครบกำหนดเวลาการอนุญาตให้ผู้เช่ารายเดิมใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุ ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 นี้ ผู้เช่ารายเดิมซึ่งกำลังใช้ประโยชน์อยู่ต้องย้ายออกจากที่ราชพัสดุโดยทันที             3.ขอให้กรมธนารักษ์ ร่วมกับจังหวัดกาญจนบุรี ภาคประชาสังคมและภาคเอกชนจัดตั้งกลไกการทำงานสามประสานหรือคณะกรรมการไตรภาคระดับจังหวัดซึ่งสามารถขับเคลื่อนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อร่วมกันแสวงหาทางออกในการพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุแปลงนี้ต่อไป โดยควรมีเป้าหมายเพื่อการฟื้นฟูพื้นที่และพัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณะ พิพิธภัณฑ์เมือง หอศิลป์ แหล่งเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ในฐานะ “ภูมิบ้าน ภูมิเมือง” เพื่อความภาคภูมิใจร่วมกันของกาญจนบุรี             4.ในระหว่างนี้ ขอให้กรมธนารักษ์อนุญาตให้ชาวกาญจนบุรีใช้ประโยชน์พื้นที่บางส่วนในที่ราชพัสดุแปลงโรงงานกระดาษเพื่อเป็นพื้นที่สาธารณะ เป็นสถานที่ออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ รวมทั้งสำหรับการจัดกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ต่างๆ ซึ่งที่ไม่สร้างผลกระทบด้านลบต่อแหล่งโบราณสถาน  ทั้งนี้ ในระหว่างการแสวงหาทางออกร่วมกันของคณะกรรมการไตรภาคีระดับจังหวัด ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันกำหนดแนวทางในทางปฏิบัติเพื่อใช้ประโยชน์และดูแลรักษาพื้นที่ราชพัสดุให้อยู่ในสภาพที่เป็นระเบียบเรียบร้อยและไม่รกร้างทรุดโทรมอย่างที่เคยเป็นตลอดหลายปีที่ผ่านมา Published caption :   The vintage factory is located in a historic part of the town. The plot contains part of the ancient wall King Rama III ordered to be built over 180 years ago to protect Thais from soldiers from Myanmar.

Photo Descriptions FOR SALE

Title

PAPER MILL CAMPAIGN BINDS KANCHANABURI COMMUNITY

Copyrights: License

POST TODAY

Date of taking this photo

June 19, 2018