ศาลปกครองสูงสุดนัดฟังคำตัดสินคดีเผาบ้านกะเหรี่ยงแก่งกระจาน ปู่คออี้ยังหวังได้กลับคืนถิ่นเกิด นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน(ในขณะนั้น)เดินทางมาตามศาลนัดฟังคำตัดสินคดีหมายเลขดำที่ ส.58/2555 ระหว่างนายโคอิ หรือคออี้ มีมิ กับพวก 6 คน (ผู้ฟ้องคดี) กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย โดย นายโคอิ กับพวกรวม 6 คน ฟ้องว่ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ 1 กับพวก 2 คน เผาทำลายทรัพย์สิน ยุ้งฉางข้าว ของผู้ฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีเห็นว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 จึงเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดแก่ผู้ฟ้องคดี โดยคดีนี้ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งหกแต่ละคนเป็นเงินคนละจำนวน 10,000 บาท โดยผู้แทนสภาทนายความเข้ายื่นอุทธรณ์คำตัดสินศาลปกครองคดีเผาไล่รื้อชุมชนกะเหรี่ยงแก่งกระจานวันนี้ เหตุคำวินิจฉัยบกพร่อง ไม่ครบประเด็นตามที่ร้อง โดยได้โต้แย้งใน 7 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ความมีอยู่จริงของการตั้งถิ่นฐานดั้งเดิมในพื้นที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน 2.วิถีวัฒนธรรมการผลิตของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแบบไร่หมุนเวียน มีงานวิชาการรองรับว่าเป็นการทำเกษตรที่ไม่ส่งต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยรักษาป่าให้คงความอุดมสมบูรณ์ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2553 ยอมรับวิถีวัฒนธรรม ความมีตัวตนและถิ่นฐานดั้งเดิมในพื้นที่ต่างๆ ของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง 3.การจัดการทรัพยากรภายใต้วิถีวัฒนธรรมชุมชนดั้งเดิมและสิทธิชุมชน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 4.กระบวนการและขั้นตอนการดำเนินการตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ไม่ได้ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการทำลายทรัพย์สิน โดยการเผาทำลายหรือรื้อถอน แต่ให้เป็นดุลยพินิจว่าเป็นการป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายแก่อุทยานหรือไม่ 5.การปฏิบัติการของพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่เป็นไปตามหลักแห่งความเหมาะสม และเป็นปฏิบัติการทางปกครองที่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง ทั้งยังเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยไม่เป็นไปตามหลักความได้สัดส่วนของการกระทำ (Principle of Proportionality) ตามหลักกฎหมายมหาชน 6.หลักการรับฟังคู่กรณี ตามมาตรา 30 แห่งวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ต้องตีความด้วยเจตนาของการออกคำสั่งที่ให้คู่กรณีทราบถึงข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ปรากฏว่าผู้ฟ้องคดีมีการรับทราบถึงการแจ้งคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนปฏิบัติการเผาบ้านเรือนและรื้อทำลายทรัพย์สิน ที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพมหานคร Published caption I think this‘‘[the DNA test result] is not enough proofto conclusively say the skull fragment isBilly’s. Chaiwat LimlikitaksornFormer Kaeng Krachan National Park chief
Title
Copyrights: License
Date of taking this photo