Crime Track / Wassayos Ngamkham เครือข่ายเจ๊เพ็ญ “ยาบ้าพันธุ์ R” ภาพ เจ๊เพ็ญ สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ป.ป.ส. และตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เปิดปฏิบัติการใหญ่ กวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดที่เรียกกันว่า “เครือข่ายเจ๊เพ็ญ” หรือ นางสุชาดา ทวยภา นั่นทำให้รู้ด้วยว่าเครือข่ายนี้ไม่ใช่แก๊งค้ายาหน้าใหม่ แต่ค้าขายกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันมาเนิ่นนานผ่านเอเย่นต์ใหญ่ของ พ.ท.ยี่เซ ที่คุ้มกันโดยกองกำลังกระเหรี่ยงมูเซอ ที่น่าตกใจยาบ้าของเครือข่ายนี้ไม่ธรรมดา หากแต่เป็นยาบ้านพันธุ์ใหม่ที่มีฤทธิ์แรงกว่าเดิม หรือในหมู่นักเสพรู้จักมันดีว่า “ยาบ้าพันธุ์ R” ย้อนไปสองปีที่ผ่านมาเครือข่ายยาบ้าของ นางสุชาดา ที่อยู่ในมุมมืดมาโดยตลอดถูกกระชากหน้ากากเปิดตัวออกในที่โล่ง โดยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2555 สภ.งาว จ.ลำปาง ได้จับกุม นายฐิติ เพ็งสุข อายุ 42 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 1,280,000 เม็ด ไอซ์ 5 ก.ก. เหตุเกิดที่ ถนนสายปงเตา-บ้านแม่แป้น ม.5 ต.นาแก อ.งาว จ.ลำปาง ต่อมาศาลจังหวัดลำปางออกหมายจับผู้ต้องหารวม 10 คน คือ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ (ถูกจับกุมวันที่ 24 ตุลาคม 2555), นายระพิน คำแฝง นายสถิต แสงหล้า, นางบัวไข แสงหล้า, นางสุชาดา หรือเจ๊เพ็ญ ทวยภา, นางสุเทพ คำแฝง, นายประวิน ทวยภา อดีตตำรวจสายตรวจ, นายกฤษดา หรือแก้ว เกตุประทุม (ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2555), น.ส.ปภานิจ หรือไพ ทาเจือ และนายรุ่งโรจน์ เลิศปัญญาเพชร จากการสืบสวนสอบสวนของหน่วยยาเสพติดไทยพบว่า นายประวิน และนางสุชาดา ทวยภา เป็นผู้ว่าจ้าง ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ลำเลียงยาเสพติด โดยจัดหาจาก นายรุ่งโรจน์ เลิศปัญญาเพชร ในกลุ่มเครือข่าย พ.ท.ยี่เซ ลำเลียงส่งกลุ่มเครือข่ายนายธนวุฒิ ธนกลาง และนางเสาวณี นาคฤทธิ์ (ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับศาลจังหวัดชุมพรที่ 267/2546 และ 269/2549) ที่ จ.ชุมพร ปัจจุบัน “เจ๊เพ็ญ” เจ้าแม่ใหญ่หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศเมียนมาร์ บริเวณแนวชายแดนตรงข้ามกับ จ.กาญจนบุรี และก็ยังคงมีความเคลื่อนไหวในการค้ายาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ชุดสืบสวนยังพยายามปล่อยข่าวว่า “เจ๊เพ็ญ และสามี” ถูกยิงตายในพม่าแล้ว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในการติดตามจับตัวของเจ้าหน้าที่ รายงายลับของ ป.ป.ส. ยังพบความเชื่อมโยงระหว่าง เจ๊เพ็ญ กับเครือข่าย น.ช.โสรส พงษ์ศักดิ์ขจร ผู้ต้องขังเรือนจำกลางเขาบิน โดย น.ช.โสรส ติดต่อสั่งซื้อยาบ้า เพื่อนำมาจำหน่ายต่อให้กลุ่มลูกค้าในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี และ จ.นครปฐม โดยเป็น “ยาบ้าพันธุ์ใหม่” ที่ เจ๊เพ็ญ และกลุ่มกะเหรี่ยงบริเวณแนวชายแดนได้ลักลอบผลิต มีลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวและส้มประทับตัวอักษร R ขนาดใหญ่ มีส่วนผสมของ เมทแอมเฟตตามีนสูงถึงร้อยละ 29.07 ในขณะที่ยาบ้าทั่วไปมี เมทแอมเฟตตามีนผสมอยู่เพียงร้อยละ 15-19 เท่านั้น ซึ่งการใส่ส่วนผสมของ เมทแอมเฟตตามีน ไปเป็นจำนวนมาก จะทำให้ผู้เสพเสพติดได้ง่าย มีผลกระทบต่อจิตและประสาทในระดับที่รุนแรง และยากต่อการบำบัดฟื้นฟู ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ ตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เข้าจับกุม น.ส.รจนา พงษ์ศักดิ์ขจร หนึ่งในเครือข่ายของ “เจ๊เพ็ญ” ที่ลักลอบนำ “ยาบ้าพันธุ์ใหม่” เข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก พร้อมกันนี้ได้มีการยึดทรัพย์ของเครือข่ายเจ๊เพ็ญในจังหวัดกาญจนบุรีได้กว่า 100 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านพักอาศัยหลังใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ เลขที่ 97/3 หมู่ 7 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมทั้งเงินในบัญชีธนาคาร 3 บัญชี รถบัสโดยสาร รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทองรูปพรรณ และเงินสดอีก 5 ล้านบาท จากนั้นได้เข้าจับกุมตัวผู้ที่อยู่ในเครือข่ายอีก 1 คน ได้แก่ นางดวงใจ นวมอารีย์ โดยจับกุมตัวได้ที่ จ.ราชบุรี ทั้งหมดคือข้อมูลเครือข่ายของขบวนการยาเสพติดก๊วนนี้ที่ พล.ต.อ.พงศพัศ กำลังตามกัดติด เขาบอกว่าเครือข่ายนี้ถูกจับกุมตัวได้แล้ว 9 คน ประกอบด้วย หากไม่นับเจ๊เพ็ญแล้วยังอยู่ระหว่างหลบหนีอีก 3 คน โดยทั้งหมดหลบหนีเข้าไปในประเทศเมียนมาร์ ทั้งทางพื้นที่ชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันตก ได้แก่ นายสถิต แสงหล้าภา นายสุเทพ คำแฝง และ นายรุ่งโรจน์ เลิศปัญญาเพ็ชร และยังมีผู้ที่อยู่ในเครือข่ายและอยู่ระหว่างการสืบสวนเพื่อออกหมายจับอีก 6 คน โดยผู้ต้องหาทั้งหมด ทั้งที่จับกุมตัวได้ และผู้ที่ถูกออกหมายจับ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ติดตามยึดทรัพย์ไว้ทั้งหมดแล้ว มีมูลค่ารวมกัน 215 ล้านบาท “ถือเป็นเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายใหญ่ มีศักยภาพสั่งซื้อยาเสพติดจากกองกำลังมูเซอ ของ พ.ท.ยี่เซ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตได้โดยตรง และจากการติดตามทางด้านการข่าว และผลการจับกุมเครือข่ายของ เจ๊เพ็ญ พบว่าเข้ามาเคลื่อนไหวผลิตยาบ้าอยู่ในบริเวณพื้นที่ของกระเหรี่ยงชายแดนด้านตรงข้ามกับจังหวัดกาญจนบุรี โดยผลิตยาบ้าพันธ์ใหม่ “พันธ์ R” ที่ถือว่าเป็นอันตรายมากสำหรับนักเสพหน้าใหม่ เพราะจะทำให้ติดยาบ้าได้ง่ายขึ้น แม้จะเสพในจำนวนน้อย” พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว เขาขยายความน่ากลัวของและเข้มแข็งของเครือข่ายยาเสพติดนี้ให้ฟังอีกว่า เป็นกลุ่มที่ทำการค้ายาเสพติดมาเป็นเวลานาน จึงได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มผู้ผลิตและลูกค้า และมีเครือข่ายลูกค้าในพื้นที่ กทม. และภาคใต้ภาคใต้จำนวนมาก สามารถสั่งซื้อยาเสพติดจากกองกำลังมูเซอ ของ พ.ท.ยี่เซ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตได้โดยตรง จึงซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่ากลุ่มการค้าอื่นๆ และมีผู้ลำเลียงในเครือข่ายจำนวนมากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่กทม.และพื้นที่ภาคใต้ จึงทำให้เครือข่ายนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการขยายฐานการผลิตมายังพื้นที่ของชาวกระเหรียงทางชายแดนด้านตะวันตกของประเทศไทย พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่า เครือข่ายนี้ยังมีวิธีการฟอกเงินโดยว่าจ้างให้บุคคลอื่นเปิดบัญชีธนาคารให้ ซึ่งที่ตรวจพบจะมีถึง 50-60 บัญชี เพื่อให้เครือข่ายซึ่งเป็นลูกค้าโอนเงินค่ายาเสพติดเข้ามาให้ตามแต่จะตกลงกันว่าจะใช้บัญชีไหน หลังจากนั้นบุคคลในข่ายงานซึ่งมีหน้าที่ทางด้านการเงินก็จะโอนเงินต่อไปให้กับเจ้าของยาเสพติดซึ่งก็จะว่าจ้างบุคคลอื่นให้เปิดบัญชีไว้ในลักษณะเดียวกัน หลังจากนั้นตัวแทนของกลุ่มเจ้าของยาเสพติดมาดำเนินการรวบรวมเงินสดจากธนาคารสาขาตามแนวชายแดนโดยถอนเงินสดจากตู้ ATM หรือถอนเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารโดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารร่วมมือหรืออำนวยความสะดวกให้ “หลังจากนั้นเงินสดที่รวบรวมไว้จะถูกส่งออกนอกประเทศ โดยขนปะปนไปกับสินค้าที่มีการส่งออกไปตามแนวชายแดน หรือให้กลุ่มคนทยอยลำเลียงเงินสดข้ามแดนในปริมาณที่ไม่เกินกฎหมายกำหนดโดยบัญชีเหล่านี้จะมีการทำธุรกรรมที่สาขาตามแนวชายแดนไทยทั้งที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และอ.แม่สอด จ.ตาก บางส่วนจะนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปซื้อทรัพย์สิน เช่น บ้าน ที่ดิน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทองรูปพรรณ หรือฝากไว้ในบัญชี โดยใช้ชื่อบุคคลอื่นที่เป็นเครือญาติหรือผู้ใกล้ชิดเป็นผู้ถือครองแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่” พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันยังคงมีการผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านทางเหนือทั้ง ฝิ่น เฮโรอีน ยาบ้า และไอซ์ โดยเฉพาะยาบ้า ซึ่งผลิตเพื่อส่งตลาดในประเทศไทยเป็นหลัก ผู้ผลิตหลักคือชนกลุ่มน้อยที่มีกองกำลังเป็นของตนเอง เช่น ว้า มูเซอ และกลุ่มอื่นๆ หลังจากผลิตแล้วจะลักลอบนำเข้าไทยทางภาคเหนือโดยตรง และบางส่วนเลี่ยงไปนำเข้าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านจังหวัดเลย นอกจากนั้นยังมีการผลิตกัญชาในประเทศเพื่อนบ้านและลักลอบนำเข้าไทยในปริมาณมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อส่งต่อไปยังประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตามตั้งแต่ 1 ต.ค.56 -1พ.ค.57 มีการจับกุมยาบ้าไปแล้วประมาณ ยาบ้า 64 ล้านเม็ด กัญชา 14,000 กก. และเฮโรอีน 391 กก. ทั้งนี้นอกจากยาบ้าแล้วไทยยังกังวลเรื่องการค้าเฮโรอีนข้ามชาติ โดยจากข้อมูลการข่าวของสำนักงาน ป.ป.ส.พบว่าปัจจุบันนักค้าเฮโรอีนในพม่ามีการเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงเฮโรอีน จากเดิมที่นำผ่านประเทศไทย ไปใช้เส้นทางผ่านประเทศลาวเข้าไปในเวียตนามก่อนที่จะนำออกไปประเทศที่สาม เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง และออสเตรเลียเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่สำนักงานป.ป.ส.ได้รับจากอุปทูตที่ปรึกษาด้านยาเสพติดที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามว่า ในปัจจุบัน เวียดนามมีการจับกุมเฮโรอีนจากพม่าซึ่งลักลอบลำเลียงผ่านประเทศลาวเข้าไปในเวียดนาม เพิ่มมากขึ้น แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นไทยก็ยังคงเสี่ยงต่อการลักลอบนำเฮโรอีนเข้าประเทศอยู่ดี “ในขณะนี้ได้เปิด “สำนักงาน ป.ป.ส.อาเซียน” ขึ้นที่ สำนักงาน ป.ป.ส. ดินแดง เพื่อใช้เป็นศูนย์ประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านยาเสพติดระหว่างประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ เพื่อร่วมกันดูแลแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการดำเนินการกับแหล่งผลิต โดยมี “ศูนย์ปฏิบัติการ ป.ป.ส.” เป็นตัวขับเคลื่อนผ่านระบบโครงข่ายด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อการเฝ้าระวัง สกัดกั้น และติดตามจับกุมขบวนการและเครือข่ายต่างๆ ทั้งที่เป็นบุคคล ยานพาหนะ พื้นที่ซุกซ่อน รวมทั้งการติดตามยึดทรัพย์ด้วย” พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว ข้อมูลประกอบทำกราฟฟิค ปัจจุบัน สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ติดตามยึดทรัพย์ของขบวนการและเครือข่าย “เจ๊เพ็ญ” ไว้แล้วรวม 215 ล้าน โดยเป็นทรัพย์สินของ นายฐิติ เพ็งสุข จำนวน 5 ล้านบาท ทรัพย์สินของ ดต.มนัส 22 ล้านบาท ของ นางสุชาดา หรือ เจ๊เพ็ญ ทวยพา จำนวน 51.2 ล้านบาท ของ นายสถิต แสงหล้าภา 26.1 ล้านบาท ของ นายสุเทพ คำแฝง 2 ล้านบาท ของ นายรุ่งโรจน์ เลิศปัยญาเพ็ชร 8.8 ล้านบาท และล่าสุดของ น.ส.รจนา พงษ์ศักดิ๋ขจร รวม 100 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นบ้าน ที่ดิน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ บัญชีเงินฝาก เงินสด และทองรูปพรรณ Published caption Office of the Narcotics Control Board secretary-general Pongsapat Pongcharoen shows a photograph of Suchada Tuaypha, also known as Jeh Phen, who is accused of running a major drug network on the western border. WASSAYOS NGAMKHAM